ทั้งนี้ ผลการสำรวจระบุว่าประชากรกลุ่มอายุ 6-14 ปี มีอัตราการใช้คอมพิวเตอร์สูงสุด 57% รองลงมาคือกลุ่มอายุ 15-24 ปี อัตรา 50.4% และกลุ่มอายุ 25-34 ปี อัตราส่วน 22.4%
ส่วนอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตพบว่า กลุ่มอายุ 15-24 ปีเป็นกลุ่มที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุด สัดส่วน 36.5% รองลงมาคือกลุ่มอายุ 6-14 ปี และกลุ่มอายุ 25-34 ปี มีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตใกล้เคียงกันคือ สัดส่วน 15.5% และ 15.2% ตามลำดับ
จากประชากรกลุ่มอายุ 6-14 ปี จำนวน 8.97 ล้านคน พบว่ามีเด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์สูงถึง 5.11 ล้านคน และใช้อินเทอร์เน็ต 1.39 ล้านคน สำหรับกลุ่มอายุ 15-24 ปี จำนวน 10.55 ล้านคน มีจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ 5.32 ล้านคน และใช้อินเทอร์เน็ต 3.85 ล้านคน ขณะที่กลุ่มประชากรวัยทำงาน 25-34 ปี จำนวน 10.79 ล้านคน มีสัดส่วนที่ใช้คอมพิวเตอร์เพียง 2.42 ล้านคน และใช้อินเทอร์เน็ต 1.64 ล้านคน
โดยจากข้อมูลพบว่าสถานศึกษาเป็นแหล่งที่มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตสูงสุดคือ 48.3% และ 39.9% รองลงมาคือการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตจากที่บ้าน 28.6% และ 25.9% ขณะที่การใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตจากที่ทำงาน 20.5% และ 24.4% ตามลำดับ สำหรับการใช้อิน เทอร์เน็ตจากร้านอินเทอร์เน็ตคิดเป็นสัดส่วน 8.6%
เมื่อพิจารณาถึงแหล่งของผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตตามกลุ่มอายุ พบว่าประชากรอายุ 6-14 ปีที่มีอัตราการใช้คอมพิวเตอร์สูงถึง 57% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใช้คอมพิวเตอร์จากสถานศึกษาถึง 78.9% รวมถึงกลุ่มอายุ 15-24 ปีก็ยังเป็นการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตจากสถานศึกษาถึง 61.5% ขณะที่ผู้มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่เป็นการใช้งานจากที่ทำงาน 50-57%
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังได้สำรวจถึงการมีและการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศในครัวเรือน โดยจากจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 18.06 ล้านครัวเรือน มีครัวเรือนที่มีเครื่องโทรศัพท์พื้นฐาน 4.22 ล้านครัวเรือน (23.4%) เครื่องโทรสาร 2.68 แสนครัวเรือน (1.5%) คอมพิวเตอร์ 3.08 ล้านครัวเรือน (17.1%) และครัวเรือนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 1.3 ล้านครัวเรือน (7.2%) โดยในเขตกรุงเทพฯมีจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนครัวเรือนที่มีอุปกรณ์รวมทุกประเภทน้อยที่สุด
จากจำนวนครัวเรือนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 1.3 ล้านครัวเรือน พบว่าในเขตกรุงเทพฯมีจำนวนครัวเรือนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสูงถึง 63% รองลงมาคือภาคใต้และภาคกลางมีอัตราใกล้เคียงกันคือ 41.2% และ 39.9% ตามลำดับ ส่วนภาคเหนือมีครัวเรือนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 35.7% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีครัวเรือนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตน้อยที่สุดคือ 24.5%
โดยการสำรวจเก็บข้อมูลการมีการใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ (ครัวเรือน) เป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 79,560 ครัวเรือน ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. พ.ศ.2549 แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมไอซีทีแสดงความเห็นว่า แม้อัตราการเติบโตของตลาดไอทีจะมีต่อเนื่อง แต่จากข้อมูลอัตราการมีคอมพิวเตอร์ต่อครัวเรือนอยู่ที่ 17 เครื่อง/100 ครัวเรือน ซึ่งถือว่าต่ำมาก
สำนักงานสถิติก็เคยสำรวจสัดส่วนของผู้มีคอมพิวเตอร์ต่อประชากรของประเทศ ซึ่งจะอยู่ที่ 7-8% เท่านั้น คือประชากร 100 คน มีคอมพิวเตอร 7-8 คนเท่านั้น ต่ำมากเมื่อเทียบกับการมีโทรศัพท์มือถือ หรือเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากการเติบโตของตลาดไอทีภาคครัวเรือนของไทยยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือผลักดันจากภาครัฐเหมือนเช่นประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามในแง่ธุรกิจก็ถือว่าตลาดเมืองไทยยังมีแนวโน้มและโอกาสการเติบโตอีกมากโดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด